
ขอพิสูจน์ด้วยตัวของตัวเองโดยเฉพาะกับหนังดราม่า Broker จัดหารัก จากทางเกาหลีครับซึ่งดูทีไรก็ต้องเจ็บใจทุกครั้งเพราะว่ามันดีจริงๆ
นั่นแหละเป็นเรื่องวิธีการเล่ามาคิดการกำกับหลังจากนั้นจบทีไรหลังดู Broker จัดหารัก ผมก็มักจะรู้สึกถึงอยู่เสมอมันเป็นความประทับใจบนถนนตลอดเวลาทำไมผู้กำกับเนี่ยมันเทพจังเลยวะคนเขียนบทมันคิดอะไรอยู่ในหัวถึงเขียนบทแบบนี้ออกมาได้ปรากฏการนี้ในหัวของผมและเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำรอบไม่รู้กี่ครั้งกับตึงผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
แต่ว่าถึงจะตั้งง่ายอย่างนั้นแมนครับก็รู้ตัวดีเหมือนกันว่ามักจะรู้สึกอินกับภาพยนตร์แนวดราม่าจากฝั่งตะวันออกมากกว่าฝั่งตะวันตกที่เป็นหนังสั้นครับด้วยวัฒนธรรมที่ไม่ได้ต่างกันมากมีรากฐานแนวคิดวิถีชีวิตที่ใกล้เคียงกันมากกว่าส่วนนี้ผมก็คิดว่ามีผลกับโบรกเกอร์นั้นมีแนวคิดมาจากเรื่องจริงในเกาหลีก็เรื่องอาชีพที่เป็นนายหน้ารับเด็กทารกที่พ่อแม่ไม่ต้องการไปขายต่อให้กับคู่สามีภรรยาที่ไม่สามารถมีลูกได้จึงอยู่กับว่ามันมีการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมที่ถูกกฎหมายแต่ว่ามันมีขั้นตอนที่เข้มงวดต้องใช้เวลาบางคู่ก็ไม่สามารถรอหรือว่ามีเงื่อนไขที่ตรงกับความต้องการของทางรัฐได้อะไรประมาณนั้น

จะไม่สามารถมีลูกได้ดังนั้นพวกเขาก็จะหาเด็กๆจากนายหน้าพวกนี้เล่าเรื่องของซังฮยอนและ dong-soo 2 คู่หูที่บางนาด้วยการทำมาหากินสุจริตและจริงๆแล้วมีอาชีพเป็นนายหน้าค้าเด็กทารกเรื่องคู่มักจะลักลอบมวยเด็กออกมาจากสถานสงเคราะห์ได้อยู่มาวันหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเขานั้นแอบรักทารกชื่อซองอูมากแต่ก็จะได้ทำอะไรก็พบว่าแม่ของเด็กน้อยนั้นก็เปลี่ยนใจแล้วมาทวงถามลูกของเธอคืน ผู้ใด๋หน้านั้นจึงต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยก่อนที่เรื่องราวจะเลยเถิดไปจนเข้าหูตำรวจนี่คือจุดเริ่มต้นของการเจอกันของทั้ง 3 คนมันถูกผูกกันไว้ด้วยชีวิตในน้อยเพียงหนึ่งเดียวพวกเขาจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับสถานการณ์นี้ได้อย่างไรถ้าตอนนี้ทุกอย่างก็กำลังจะยิ่งวุ่นวายขึ้นไป

เมื่อคู่มือสายตรวจนำโดยผู้หมวดสู่จีนที่กำลังตามสืบเรื่องราวการลักลอบขายเด็กเธอนั้นกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์นี้อยู่อย่างเงียบๆเรื่องราวครั้งนี้จะหาทางลงเอยได้อย่างไรติดตามได้ใน Broker ได้เลยครับ ทำไมผู้กำกับเขาเทพจังเลยวะครับคนจังเลยว่าครับคนเจ็บปวดเมียเขาคิดอะไรอยู่ถึงเขียนปวดหัวแบบนี้ออกมาได้จริงๆเขาเป็นคนเดียวกันนะครับทั้งผู้กำกับและคนเขียนบทนี่คือความรู้สึกของผมที่ผมรู้สึกกับหลังจากดูโบรกเกอร์จบอีกแล้วแหละแต่สุดท้ายหนังจากเกาหลีก็ทำให้ผมประทับใจได้อยู่ดีจะว่ายังไงดีล่ะผมว่ามันเป็นหนังที่รีวิวค่อนข้างจะยากแล้วก็พูดไปจะเป็นการชี้นำทางด้านอารมณ์ซึ่งก็จะส่งผลแน่ๆก็ต้องการดู จริงๆแล้วเนี่ยอยากให้ทุกคนไปดูกันก่อนเพราะว่าหนังมันทีมากจริงๆนั่นแหละ
ว่าตัดสินใจจะไปดูแล้วเนี่ยก็ไปดูเลยนะครับแต่ถ้าเกิดว่าอยากจะฟังต่อก็ไปกันต่อก็ผมจะขอบรรยายความรู้สึกของโบรกเกอร์เลยแล้วกันมันเป็นหนังเกาหลีที่มีสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นสูงมากทีเดียวครับก็นั่นแหละครับผู้กำกับในเป็นคนญี่ปุ่นบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเนี่ยไม่ใช่แฟนหนังของฮีโร่เอด้าแต่อย่างใดนอกจากหนังเรื่องช็อปเลสเตอร์หนังเทศกาลปาล์มทองคำในปี 2018 ร้านแอร์ผมก็ไม่ดูผลงานอื่นใดของเขาเลยครับเร็วๆนี้จะไม่ขอเทียบกับงานเก่าๆเลยก็แล้วกันก็ย้อนกลับไปว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงมีความเป็นญี่ปุ่นสูงนั่นก็คือทีมของหนังก็มันมีความราบเรียบมีความเรื่อยๆความจำเย็นอย่างไม่ประนีประนอมไม่ต้องสนใจว่าต้องมีองค์ประกอบใดๆไม่ว่าจะเป็นมุขตลกของใดๆก็ไม่ต้องมีพวกนั้นเพื่อดึงดูดให้ผู้ชมอยู่กับนางทั้งนั้น

ปิดแอร์พอร์ตเรื่องหลุมๆเท่านั้นที่ผูกคนดูให้ติดอยู่กับเรื่องราวนางนั้นมีการวางโปรแกรมไว้ 2-3 พันให้เราสงสัยก่อนจะพาเราออกเดินทางไปทั้งอย่างนั้นเลยครับโดยที่เราเนี่ยแทบจะไม่รู้อะไรเลยไม่แม้แต่ความเป็นมาของตัวละครทุกอย่างนั้นมันเป็นปัจจุบันกับสุดๆครับช่วงแรกและช่วงกลางของนางเนี่ยต้องบอกว่ามันลาภเรียกซะจนน่าประหลาดใจก็ได้นั่งดูไปก็คิดอยู่ว่าหนังเนี่ยมันจะพาเราไปอยู่จุดไหนกันแน่จริงอยู่กับว่ามันมีประเด็นเรื่องของสังคมชีวิตครอบครัวมันก็ไม่ได้ฉีดก็จากหนังเรื่องอื่นที่เราไปดูมากเท่าไหร่นะจะถามจุดที่ผมสงสัยมากที่สุดก็คือเรื่องของคาแรคเตอร์ภายในหนังเรื่องนี้ครับ Brokerเนี่ยจะให้ฟิวแนวหนังรวมทีมเฉพาะกิจเพื่อทำเป้าหมายอะไรสักอย่าง

เพิ่งลองคิดภาพตามนี้แล้วก็เลยหนังรวมทีมงานมันก็จะมีเฟซมาให้เราเทียบกับเป้าหมายของหนังเลยนะแล้วด้านตัวละครเนี่ยแต่ละตัวในทีมนั้นก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยอะไรที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนถูกไหมก็คล้ายกับระบบอาชีพในเกม RPG แบบนั้นคนนี้เป็นนักรบเก่งในด้านการฟันดาบทุกคนเป็นนักเวทย์เก่งหรือทางการใช้เวทอีกคนเป็นนักบวชสามารถรักษาคนได้ตั้งคนก็จะมีฝีมือจำเพาะเพื่อจะได้มีฉากเช็คความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆใช่ไหมครับไม่ใช่เป็นอย่างนั้นทุกตัวละครในเรื่องเนี่ยไม่มีความสามารถอะไรที่จะนำมาใช้ในสถานการณ์ที่กำลังเจออยู่เราจะเห็นความงดงามทุกอย่างแต่ก็ไม่ถึงกับทุเรียนอะไรประคองกันไปเรื่อยๆทุกอย่างมันก็จะไปแบบเรียบๆที่จริงๆแล้วก็น่าแปลกใจเหมือนกันก็เพราะว่าพวกเขาเนี่ยทำงานนี้เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นมิจฉาชีพอย่างนึงเลยก็ได้ถ้าไม่พวกเขาไงถึงดูธรรมดาขนาดนั้นแต่ว่าผมไม่ได้หงุดหงิดใจกับส่วนนี้และก็แค่สงสัยว่าความธรรมดานี้แม่จะพาเราไปสู่บทสรุปแบบไหน
สงสัยนี้เนี่ยมันก็จบลงที่ฉากฉากเดียวเท่านั้นก็ที่มาโดยที่ไม่รู้ตัวไม่มีการบิ้วอัพไม่ได้มีเพลงซึ้งๆจู่ๆมันก็จงคนดูอย่างไม่ทันตั้งตัวมันคือ จั้มสแคร์ ดร่าม่า ชัดๆก็จะเกิดว่าผมยกตัวอย่างฉากเวทีใน CODA เป็นฉากที่ยอดเยี่ยมที่สุดของปีที่แล้ว คิดว่าฉากนี้ในเรื่อง Broker จัดหารัก น่าจะเป็นฉากสุดยอดของผมในปีนี้เช่นเดียวกัน