วันพุธ, 12 กุมภาพันธ์ 2568

Alien: Romulus เอเลี่ยน โรมูลัส ในโรงภาพยนตร์

Alien: Romulus เอเลี่ยน โรมูลัส ในโรงภาพยนตร์

สำหรับจักรวาลนี้ยังชอบ Prometheus กับ Alien: Covenant (ในฐานะก้อนเดียวกัน) ที่สุดอยู่ดีครับ เพราะมันเป็นอะไรที่น่าสนใจกว่าหนังเอาตัวรอดจากการไล่ล่าในอวกาศไปแล้ว ส่วนสำหรับหนังเรื่องนี้ต้องบอกว่ามันเป็นความคาดหวังส่วนตัวเองครับที่คิดว่ามันจะสนุกกว่านี้ พอไม่ได้ถึงกับที่คาดไว้ก็เลยไม่ได้ชอบมันเท่าที่คิดว่าจะชอบ5555

ถึงอย่างนั้นต้องบอกว่าภายใต้การกำกับและเขียนบทของ Fede Alvarez คอมโบกับคนเขียนบทจากหนัง Don’t Breathe ทั้งสองภาค มันอาจไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ แต่นี่คือหนังแฟรนไชส์ Alien ที่ทำออกมาได้สนุกเป็นอันดับต้นๆ, คุ้มค่ากับการรอคอยหลังจากไม่ได้ดูหนัง Alien เต็มๆ มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ และยังเป็น addition ที่ดีให้กับแฟรนไชส์ Alien ด้วย

Alien: Romulus เกิดขึ้นระหว่างในไทม์ไลน์ภาค 1-2 ที่มีการโยงบางอย่างไปยังภาคแรก

และมีอิงถึงภาคบางพาร์ทของ Prometheus ให้หายคิดถึงบ้าง ซึ่งในฐานะแฟนหนังแฟรนไชส์นี้คนนึงผมดีใจมากๆ ที่หนัง pay tribute ให้กับอะไรเหล่านั้น

เรื่องที่อยากชมคือเรื่องนี้ไม่ใช่หนังเอเลี่ยนที่เคยเห็นมาแล้ว หรือหนังที่เอาตัวละครหญิงมารับบทนำแล้วจะเป็น Ripley คนใหม่ แต่หนังเรื่องนี้มีแนวทางของตัวเองและตัวละครเอกก็โดดเด่นในแบบของตัวเอง

ส่วนตัวหนัง มีความเจ๋งและข้อด้อยที่ไล่เป็นประเด็นๆ น่าจะเห็นภาพกว่าคือ

– ลีลาในการสร้างสรรค์ฉากแอ๊คชั่น ฉากอลังการ และฉากสยอง เป็นการหยิบองค์ประกอบเดิมๆ มาต่อยอดแล้วนำเสนอใน angle ที่ใหม่ดีครับ กับบางอย่างสดใหม่แบบที่ไม่เคยมีก่อนเลย

– หนังใช้ลำโพงกับจอใหญ่ๆ ของ IMAX ได้คุ้มค่าด้วยสเกลเต็มจอทั้งเรื่อง และเป็นหนังที่ดู IMAX แล้วรู้สึกว่าคุ้มค่ามากๆ เรื่องนึงของปีนี้

– ช่วงต้นใช้เวลาปูตัวละครพักใหญ่อยู่ แต่ข้อดีคือตัวละครดูฉลาดขึ้นกว่าบางภาคที่หลายคนรำคาญ (ถึงจะยังทำอะไรชวนเกาหัวบ้าง) เราอินขึ้น และเอกลักษณ์ตัวละครค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะนางเอกที่รับบทโดย Cailee Spaeny ตัวละครนี้ไม่ใช่คนแกร่งโดยกำเนิดหรือไม่ได้มีแววว่าจะแกร่ง แต่ไวพริบดี และต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ เป็นมนุษย์มากๆ ครับ

– การหยิบเรื่องดรอยด์มาเล่นค่อนข้างน่าสนใจและแปลกใหม่จากที่ผ่านมา นี่คือเซอร์ไพรส์ที่น่าสนใจของหนังเลย (ผมชอบครึ่งแรกของหนังเกี่ยวกับดรอยด์ตัวนี้มาก)

– Xenomorph และแฟรนไชส์นี้ยังคงเป็นความสยองขวัญระดับต้นๆ เมื่อเราพูดถึงหนังสยองขวัญอวกาศ เสียดายที่ไม่ได้เห็นแบบจุใจเท่าไหร่ ซึ่งถ้าให้พูดถึงความจุใจหรือความโหดแบบเน้นๆ ของ Xenomorph ผมชอบความโหดสะใจแบ่งโจ่งแจ้งของภาค Covenant กว่า แต่ภาคนี้จะให้ฟีลกลับไปยังรากเหง้าของภาคแรกดีครับ คือเน้น stealth ลอบฆ่า ลอบลักพาตัวซะส่วนใหญ่ ไม่ได้เห็นชัดๆ ขนาดนั้น ซึ่งน่ากลัวอีกแบบ

– เน้นที่เมคอัพและ animatronic กว่า เป็นการเคารพต้นฉบับที่ดีมากๆ

– ข้อเสียที่ผมมองเห็นคือบางอย่างดูก้ำๆกึ่งๆ ไปหน่อย เช่นเรื่องดรอยด์ หรือความสัมพันธ์ระหว่างคน-ดรอยด์, การตั้งคำถามเชิงศีลธรรมที่น่าสนใจแต่ยังไม่ได้ไปสุดกับมันขนาดนั้น กับความสดใหม่ที่อยู่ในฉากองค์ท้าย ที่ไปดูแล้วอาจจะคิดเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้นะครับ แต่สำหรับผมแล้วยังไม่รู้สึกสะใจกับมันเท่าไหร่

ยังใช้เรท R ไม่คุ้มขนาดนั้น โหดอยู่ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าโหดได้กว่านี้

ยังใช้เรท R ไม่คุ้มขนาดนั้น โหดอยู่ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าโหดได้กว่านี้

– plot convenience มีบ้าง หลายสถานการณ์ดูเป็นการจงใจให้เกิดการกระทำบางอย่างนิดนึง ในช่วงเวลาที่ดูเหมาะเจาะเกินไป

– หนังจบในตัวเองแต่อาจจะมีภาคต่อหรือเชื่อมไปยังบางอย่างในอนาคต (ถ้าได้ทำต่อ และถ้าทำต่อก็ดูแน่นอน)

– แล้วก็ไม่เชิงว่าเป็นข้อเสีย แต่พอเน้นพร็อพจริงมากๆ คนดูอาจแบ่งเป็นสองฝั่งได้ คือรู้สึกไม่สะใจกับมันพอ หรือไม่ก็ชอบไปเลยในความคลาสสิกตรงนี้

โดยรวมมันคือประสบการณ์​เหมือนดูหนัง Don’t Breathe ของแกเลยครับ แต่เป็นฉบับอวกาศแทน บางฉากทำเราหยุดหายใจ บางฉากหายใจไม่ทั่วท้อง บางฉากชวนสะดุ้ง ทำให้ในฐานะหนังสยองขวัญแล้วต่อให้ผมบอกว่าผมไม่ได้ชอบมันเท่าที่คิด แต่มันทำหน้าที่เป็นหนัง horror ได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลย และยังดูใส่ใจบทมากในระดับนึงด้วย

หนังเข้าพรุ่งนี้นะครับ ไม่มีเอนด์เครดิต และไม่จำเป็นต้องดูมาก่อนก็ดูได้นะครับ เพราะหนังมีความ stand alone นิดนึง แต่ก็เชื่อมกับภาคอื่นเหมือนกัน ถ้าใครเคยดู Alien ภาคแรกกับ Prometheus มาก่อนก็จะอินมากขึ้นนิดนึงครับ

และสุดท้ายอยากขีดเส้นใต้ว่ายังไงก็ต้อง ‘IMAX เท่านั้น’ ครับ เพื่ออรรถรสสูงสุด ถ้ารอดูสตรีมมิ่งหรือดูโรงธรรมดาจะไม่ได้รับประสบการณ์เท่า IMAX แน่นอน ถ้าเสียดายทีหลังอย่าหาว่าไม่เตือนนะครับ5555