
ด้วยระยะห่างกว่า 12 ปีจากภาพยนตร์ภาคแรก ทำให้ Avatar : The Way of Water เกิดเสียงวิเคราะห์ออกมาเป็น 2 ฝั่งอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งก็เชื่อว่าภาพยนตร์จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับท้าทายสถิติภาพยนตร์ที่ทำเงินทั่วโลกสูงที่สุดตลอดกาลของภาพยนตร์ภาคแรก ขณะที่ในอีกฝากหนึ่งก็เชื่อว่า หากไม่นับเทคโนโลยีการผลิตอันล้ำสมัยแล้ว Avatar ภาคแรกเองก็ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวที่แปลกใหม่มากนัก

ด้วยระยะห่างถึง 12 ปีก็น่าจะทำให้ Avatar : The Way of Water ไม่สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้อย่างที่เคย ผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง James Cameron ได้เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อภาพยนตร์เรื่อง Avatar : The Way of Water กับมาตรฐานของความสำเร็จที่ถูกคาดหวังเอาไว้อย่างสูงว่า
“จริงๆ ผมเองก็รู้สึกเป็นกังวลเหมือนกันนะ กับระยะห่างที่มันอาจจะมากเกินไปในยุคนี้ ซึ่งเป็นยุคที่ทุกอย่างเดินหน้าอย่างรวดเร็ว โดย Avatar 2 ออกฉายหลังจากภาพยนตร์ภาคแรกถึง 12 ปีนะ แต่ทันทีที่เราปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกไป พวกเราได้รับยอดผู้ชมสูงถึง 148 ล้านครั้งภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

ซึ่งเราก็ยังไม่ได้ปล่อยอะไรเยอะเลยนะ แต่เราไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้มานานมากแล้ว ผมจำได้ว่าตอนภาคแรกปล่อยออกมามันเจ๋งแค่ไหน แต่มันจะยังเจ๋งในยุคนี้ไหมผมไม่รู้เลย เราต้องมารอดูกัน”
James Cameron เองเคยปล่อยให้แฟนภาพยนตร์ชุดคนเหล็กรอคอยภาคต่อกันนานถึง 7 ปี ก่อนที่ Terminator 2 : Judgment Day จะเข้าฉายและฮิตแบบถล่มทลาย ซึ่งเหตุผลในครั้งนั้นก็ยังคงคล้ายกันกับครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าตัวเลือกที่จะรอให้เทคโนโลยีทางการผลิตสอดคล้องกับไอเดียที่เขาจินตนาการเอาไว้

ซึ่งการจะถ่ายทำ Avatar : The Way of Water ให้สมบูรณ์ที่สุดนั้น ทีมงานต้องคิดค้นวิธีการถ่ายทำ Motion Capture ใต้น้ำจริงๆ ขึ้นมา ต้องมารอดูกันว่าการรอคอยครั้งนี้จะคุ้มค่าและสร้างปรากฏการณ์ได้เหมือนภาพยนตร์ภาคแรกหรือไม่

Avatar ภาคแรกจะกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งในวันที่ 22 กันยายนที่จะถึงนี้ ก่อนที่ James Cameron จะพาผู้ชมทั่วโลกเดินทางสู่โลกใต้น้ำของดาวแพนดอร่าในภาพยนตร์ภาคต่ออย่าง Avatar : The Way of Water ซึ่งวางกำหนดฉายเอาไว้ในช่วงเดือนธันวาคม