Bullet Train ระห่ำด่วนขบวนนักฆ่า นักฆ่ามือสังหาร เรื่องราวของ เลดี้ บัค มือสังหารที่ตัดสินใจกลับมารับง่ายๆเพียงแค่ช่วงชิงกระเป๋าบนรถไฟชิงแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมีเล่านักล่าค่าหัวจากทุกมุมโลกต่างอยู่บนรถไฟขบวนนี้ เพื่อช่วงชิงกระเป๋าใบเดียวกันกับเขา พระเอกของเราจึงต้องพยายามหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมด พร้อมทั้งนำกระเป๋าใบนี้ไปส่งยังจุดหมายให้ได้
Bullet Train เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นคอมเมดี้ที่มีสไตล์
การเล่าเรื่องเอานักแสดงตัวท็อปของฮอลลีวูดร่วม 10 คนมายัดใส่ในรถไฟขบวนเดียวกันและก็ติดอาวุธให้กับพวกเขา ในขณะเดียวกันตัวหนังก็ชัดเจนในแนวทางของตัวเองโดยรวมทั้งเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง โดยการเปิดตัวกลุ่มตัวละครจำนวนมากในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมกับทยอยพูดถึงภูมิหลังของตัวละครเหล่านั้น รวมถึงวีรกรรมในอดีตของพวกเขา ทุกอย่างที่เล่ามาเนี่ยมันก็เป็นปัจจัยสำคัญในการชักจูงมือสังหารทุกคนให้มาอยู่รวมกันบนรถด่วนขบวนนี้
ในขณะเดียวกันอย่างชัดเจนครับว่าตัวละครใดจะมีบทบาทสำคัญกับเรื่องราวมากที่สุด นำโดย เลดี้ บัค มือสังหารที่พึ่งจะผ่านการบำบัดและก็พยายามหลีกหนีความรุนแรงมาหมาดๆ เลมอนนักฆ่าผู้มีสายตาอันเฉียบคมในการมองทะลุผู้คนและแฝดคนละฝาของเลมอนที่มีนิสัยต่างกันอย่างสุดขั้ว และสาวจอมเจ้าเล่ห์ซึ่งกุมความลับบางอย่างเอาไว้ อีกทั่งคิมูระชายหนุ่มแล้วต้องการจะหาคนรับผิดชอบกับอาการบาดเจ็บของลูกชายของเขา
เวลาที่จำกัดจึงสวนทางกับจำนวนตัวละครที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง
ทำให้การแบ่งน้ำหนักแล้วก็เวลาบนจอให้กับตัวละครเหล่านั้นมีปัญหาให้เห็นอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับบางตัวละครที่ปรากฏตัวขึ้นเพียงชั่วครู่แล้วก็ถูกตัดออกจากเรื่องราวภายในเวลาอันสั้น จากนี้ตัวละครสมทบอย่างเลมอนและแทนเจอรีนหรือกระทั่งท่านผู้เฒ่าที่โผล่มาในช่วงองค์สุดท้ายของเรื่อง แต่มีเรื่องราวแล้วก็ภูมิหลังเป็นของตัวเองที่น่าสนใจกว่าตัวละครหลักอย่างพระเอกเสียอีก ในขณะที่บทภาพยนตร์นั้นโดดเด่นในแง่ของการหยิบจับเรื่องราวหลากหลายเช่นเรื่องว่าผูกโยงให้กลายเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ดังนั้นทุกรายละเอียดเล็กน้อยที่ส่งผลต่อเรื่องราวอยู่เสมอซึ่งรวบรวมทุกอย่าง ติตตามดู รีวิวหนัง ได้ทุกวัน
สร้างความเซอร์ไพรส์และเก็บทุกรายละเอียดที่ปล่อยเอาไว้ตลอดทางได้อย่างครบถ้วน
แต่ถึงอย่างไรก็ตามระหว่างทางของภาพยนตร์นั้นก็เต็มไปด้วยเรื่องราวมันไม่สมเหตุสมผลมากมายโดยเฉพาะกับเหล่าตัวละครที่พร้อมจะโกรธกันจนเลือดขึ้นหน้าแต่ก็สามารถกอดคอเป็นเพื่อนกันได้ภายในเวลาอีกไม่กี่วินาทีต่อมา นอกจากนี้ยังรวมถึงมุกตลกของเรื่องซึ่งแม้บางมุกในจะสามารถเรียกเสียงหัวเราะได้ในครั้งแรกที่เห็น แต่ตัวหนังกลับเลือกใช้พาสเดิมๆอยู่หลายครั้งจึงทำให้มันกลายเป็นความซ้ำซากแทนที่จะเป็นเสียงหัวเราะครับ
จุดขายสำคัญของ Bullet Train ก็คือฉากแอ็คชั่น
ภาพยนตร์เรื่องจะออกแบบใช้ Action ไปด้วยเสียงหัวเราะโดยเฉพาะกับตัวละครอย่าง เลดี้ บัค ซึ่งจะผ่านการบำบัดและก็กำลังพยายามจะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงอยู่ ก็นำเสนอในลักษณะของตลกเจ็บตัวและการหยิบเอาของใช้ข้างตัวมาเป็นอาวุธคล้ายกันกับสไตล์การต่อสู้ของเฉินหลง และได้รับได้ในขณะเดียวกันตัวไหนก็ไม่ทิ้งลายเซ็นของผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง เดวิด ลีด ที่จะต้องมีความรุนแรงแบบเลือดสาดท่วมจออยู่ด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมก็คือตัวหนังสามารถใช้ประโยชน์จากขบวนรถไฟซึ่งมีความหลากหลายได้อย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นห้องของผู้โดยสารที่งดใช้เสียง ขบวนสุดหรู ขบวนอาหารและเครื่องดื่ม หรือกระทั่งห้องน้ำ หัวรถจักรและชานชลาของรถไฟก็ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างสถานการณ์ Action ของเรื่องได้อย่างสร้างสรรค์มากๆ
ช่วงที่บันเทิงที่สุดของผู้อื่นก็คือ 20 นาทีสุดท้ายของภาพยนตร์
ซึ่งเป็นการเสนอเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกับยกระดับใช้ Action ให้ขยายใหญ่มากขึ้นวินาศสันตะโรมากขึ้นและชุ่มโชกไปด้วยเลือดมากขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองจากภาพรวมของภาพยนตร์เลือกช่วงไคลแมกซ์ของภาพยนตร์นั้นสามารถกอบกู้แล้วก็เติมพลังให้กับรถไฟความเร็วสูงขบวนนี้ได้อย่างทันท่วงที โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่อง Bullet Train ระห่ำด่วนขบวนนักฆ่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกด้วยสไตล์การเล่าเรื่อง Action และเสียงหัวเราะเพราะนอกจากนี้ยังไม่พยายามจะเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองนะครับ ไม่มีการใส่ฉากดราม่ากระทั่งข้อคิดสอนใจอะไรที่มันผิดธรรมชาติมาก ถึงแม้ว่าเราตัวละครเนี่ยจะพยายามเถียงกันแทบเป็นแทบตายในเรื่องของโชคชะตาและก็ปรัชญาชีวิตก็ตาม
ข้อมูลรีวิวจาก ช่อง : filmment
ดูรอบฉายได้ที่ sfcinemacity
