จุดเริ่มต้นของ Hugh กับบท Wolverine ฟังแล้วคงดูเป็นเรื่องโชคชะตาซะมากกว่า เพราะตอนออดิชั่นบทนำมีดาราระดับ A List มากมายต่อ คิวกันมาแคสบทแต่ไม่มีใครเข้าตา Fox และผู้กำกับ Bryan Singer เลย ภาพของ Hugh จึงเป็นอะไรที่ไกลตัวมาก เขาเป็นนักแสดงออสซี่โนเนมไร้ชื่อเสียง
ผู้บริหารฟ็อกซ์อยากได้ Dougray Scot มาแสดงเป็น Wolverine
และมีการเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เรียบร้อยแล้ว ปัญหาคือนักแสดงชาวสก็อตต์ กำลังไปถ่ายหนัง Mission: Impossible 2 ที่ออสเตรเลียอยู่ และ X Men ภาคแรก กำลังจะเปิดกล้องอีก 3 สัปดาห์ นักแสดงหลักยังไม่มาเข้าฉากเลย Tom Cruise เลยโทรไปหา Bryan ว่าเขาใช้งานอีกสักพัก พวกเขารับรู้ถึงความแปลก จึงส่งทีมงานไปออสเตรเลีย เพื่อไปสืบดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และความจริงก็พบว่า Scot ดันบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการถ่ายทำฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์ ที่ดวลเดือดฉากไคลแม็กซ์กับ Tom Cruise สภาพคือต้องพักยาวไม่นาถ่ายทำได้
ทีมงาน X-Men เองก็เจอปัญหาอีกคือ จะไปหาใครดีละ
เพราะว่าฉากสำคัญในหนังภาคแรกมี Logan เยอะพอสมควร Russel Crowe นักแสดงออสซี่ที่ปฏิเสธบท Wolverine คนแรกๆไป บอกกับผู้กำกับ Bryan ว่า คุณควรลอง Hugh Jackman ดูก่อนไหม ว่าง่ายๆคือเปิดโอกาสไปก็ไม่ได้เสียหายอะไร เขาไปปรึกษาโปรดิวเซอร์หนังค่าย Fox ก็จะตัดสินใจไปเรียก Hugh มาแสดงในช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนหนังปิดกล้อง
ทีมงานต้องปรับคาแรกเตอร์ Hugh กับ Wolverine ให้ในระหว่างถ่ายทำ เพราะบทถูกออกแบบมาให้ Scott คนแสดงคนเก่า ทั้งคาแรกเตอร์ท่าทาง นั้นเลยทำให้ Hugh ที่เป็นคนจิตใจดี Nice Guy ต้องมาปรับบุคลิกให้ดูดุดัน ดิบเถื่อน ซึ่งเขาเองก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต ไหนจะต้องมาพูดจาตะคอกอีก
สุดท้ายการเสี่ยงเลือกเอาคนโนเนมมากลับได้ผล Hugh Jackman เฉิดฉายในบท Wolverine
ผู้คนมากมายต่างจดจำเขาได้ และยืนหยัดบทนี้ยาวนาน จนกลายเป็นภาพที่ใครต่อใครจดจำไปแล้ว ถ้าไม่มี Mission Impossible 2 บางที Hugh อาจเป็นนักแสดงโนเนมที่ผ่านมาผ่านไป ต้องขอบคุณอุบัติเหตุในวันนั้น ที่พาเขาก้าวมาเป็นนักแสดงเบอร์ต้นๆของวงการ