วันพฤหัสบดี, 25 กรกฎาคม 2567

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ สปอย ความเชื่อและความศรัทธา

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ สปอย ความเชื่อและความศรัทธา

ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เรื่องย่อ เก่งและเปี๊ยก 2 พี่น้องผู้เดินทางร่อนเร่มายังตอนใต้ของประเทศไทย ที่นั่นพวกเขาได้พบเจอกับไอ้ไข่ ดวงวิญญาณของเด็กน้อยผู้ทรงอิทธิฤทธิ์ พวกเขาทั้ง 3 จึงสนิทและผูกพันธ์กันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีท่านขุนผู้ชั่วร้ายหมายครอบครองสมบัติที่ถูกฝังเอาไว้ในวัดร้าง เก่ง, เปี๊ยก และไอ้ไข่ จึงต้องรับหน้าที่ปกป้องสมบัติของบ้านเมืองให้ปลอดภัย

ตำนานของ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เทวดาองค์น้อยอันโด่งดัง

ตอนใต้ของประเทศไทย ถูกพัฒนาและดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่อง ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ที่แม้ว่าตัวผมเองจะเข้าไปรับชมโดยไร้ซึ่งความคาดหวัง แม้ว่าผมจะคอยเอาใจช่วยและสนับสนุนภาพยนตร์ไทยอยู่เสมอ และแม้ว่าผมจะพร้อมให้โอกาสภาพยนตร์ไทยทุกครั้งที่ลงโรงฉาย แต่มันก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดและเศร้าใจเหลือเกินครับที่ต้องพูดถึงภาพยนตร์ไทยด้วยแง่มุมแบบนี้

หากความตั้งใจในการทำงาน, ความทะเยอทะยานในการสร้างความแปลกใหม่ และแรงศรัทธาที่ทีมงานมีต่อตำนานของเทวดาองค์น้อยของเรื่อง สามารถแปรเปลี่ยนเป็นคุณภาพของภาพยนตร์ได้ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ก็น่าจะเป็นภาพยนตร์หนึ่งเรื่องที่เปี่ยมด้วยคุณภาพทัดเทียมกับระดับสากลได้ไม่ยาก แต่อย่างที่รู้กันดีครับว่า การนิยามคุณภาพของภาพยนตร์นั้นไม่อาจตัดสินได้ด้วยเพียงความตั้งใจและเชื่อมั่น หากแต่เป็นผลลัพธ์ที่ปรากฏตรงหน้าของผู้ชมเท่านั้น ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ จึงเป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยรอยแผลและรูโหว่ที่ยากจะถมได้เต็ม หนังไอ้ไข่ ฉายวันไหน

ตำนานของ ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ เทวดาองค์น้อยอันโด่งดัง

ปัญหาใหญ่ที่สุดคือบทภาพยนตร์ หนัง ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ สปอย

ที่ขาดความชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบว่าตัวเองอยากจะสื่อสารอะไรให้กับผู้ชม โดยเฉพาะการกระจายน้ำหนักให้กับแต่ละตัวละครอย่างสะเปะสะปะ ไอ้ไข่ซึ่งเป็นตัวละครที่ควรจะได้รับการทะนุถนอมและบอกเล่าเรื่องราวของเขามากที่สุด กลับเป็นตัวละครที่ถูกทิ้งขว้างและไม่ได้รับการใส่ใจอย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่ภาพยนตร์ก็เต็มไปด้วยเส้นเรื่องที่ถูกปูเอาไว้อย่างเกลื่อนกลาด แต่เส้นเรื่องเหล่านั้นกลับไม่ได้นำไปสู่อะไร ไร้เป้าหมาย และไม่ได้สร้างอรรถประโยชน์ให้กับเรื่องราว ขณะที่การสำรวจวัฒนธรรมพื้นถิ่นในภาคใต้ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันคือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของเรื่อง ภาพยนตร์ก็กลับผลักมันให้กลายเป็นส่วนเกินได้อย่างน่าอัศจรรย์ สปอย ไอ้ไข่

เมื่อกระดูกสันหลังของเรื่องไม่สามารถพยุงทุกอย่างเอาไว้ได้ ภาพรวมของภาพยนตร์จึงเป็นเหมือนการรวบรวมเอาเหตุการณ์สั้นๆ มาวางต่อกันอย่างไร้ความต่อเนื่อง ทุกความรู้สึกและโทนของแต่ละฉากนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากฉากแอ็คชั่นที่กำลังจะเข้มข้น ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นฉากดราม่าอย่างฉับพลัน หรือหากผู้ชมกำลังเริ่มที่จะผูกพันธ์กับห้วงอารมณ์ ภาพยนตร์ก็เปลี่ยนโทนมายิงมุกตลก (ที่ไม่ตลก) เสียดื้อๆ จนระหว่างการรับชมผมไม่อาจทราบได้จริงๆ ว่าภาพยนตร์ต้องการให้ผู้ชมรู้สึกอย่างไร เนื่องจากภาพยนตร์ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของเรื่องได้เลยครับ ขณะที่เหล่าตัวละครทั้งหลักและสมทบ ก็พาเหรดกันสร้างความสับสนอลหม่านให้กับเรื่องราวมากขึ้น ด้วยการตัดสินใจที่โลเล, อารมณ์ที่สวิงสวายภายในเสี้ยววินาที และตรรกะในการใช้ชีวิตอันพังพินาศของพวกเขา