ถ้าเราจะยกให้ใครสักคนเป็นตัวเอกของเรื่องในใจเรา และเป็นตัวละครที่ชอบที่สุดของ Moving สำหรับเราขอยกให้ จางจูวอน ตัวละครที่ถูกตราหน้าว่าเป็นสัตว์ประหลาด ถูกมองว่าเป็นแค่นักเลง แต่ทว่าจริงๆแล้ว จางจูวอนคือตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์ปถุชนอย่างเต็มเปี่ยม เขาเป็นมนุษย์ปถุชนที่มีหัวใจรักเป็นเจ็บเป็น เขาเป็นมนุษย์ปถุชนที่ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ เขาเป็นมนุษย์ปถุชนที่พยายามตามหาคุณค่าของการมีชีวิต และเขาเป็นมนุษย์ปถุชนที่มีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก
จางจูวอน ชายธรรมดาที่เติบโตมากับชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้
เพราะการต่อสู้คือสิ่งเดียวที่เค้าเก่งกาจ เนื่องจากมีพลังวิเศษร่างกายสามารถเยียวยาตัวเองได้ แต่นอกจากการต่อสู้แล้ว เขาก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย ถ้าไม่ได้ต่อสู้ ก็ไม่รู้จะทำอะไร ชีวิตไร้เป้าหมาย ดูว่างเปล่าไปหมด ซีนที่จางจูวอนทำงานออฟฟิศ แล้วรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่า เพราะต้องทำงานที่ไม่ถนัด และยังรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระของที่ทำงาน มันโคตรจะสะท้อนชีวิตจริงของมนุษย์เดินดินเลยค่ะ
คือความรู้สึกว่าตัวเองไร้คุณค่าในสังคมที่ทำงาน น่าจะเคยเกิดขึ้นในชีวิตจริงของใครหลายคน หลายคนต้องเคยรู้สึกแย่กับการงาน จนไม่อยากมาทำงานแล้ว แต่ก็ต้องฝืนมาทำ เพราะต้องเลี้ยงชีพ บทส่วนนี้มันสะท้อนสังคมได้ดีอย่างยิ่ง และที่สำคัญคือ”รยูซึงรยง”นักแสดงที่รับบท จางจูวอนพ่อของ จางฮีซู ถ่ายทอดซีนนี้ได้สมจริงมาก ตอนอยู่ที่ทำงานและบนรถเมล์ สีหน้าเค้าดูเศร้าท้อแท้ตลอด แต่พอเห็นภรรยา ก็พอจะยิ้มได้ เพราะครอบครัวคือเซฟโซน
และถ้าหากสังเกตสีหน้าของตัวละครตัวนี้ คือสีหน้าเค้าเหมือนคนที่พยายามจะตามหา “คุณค่าของการมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา” ซึ่งนี่แหละค่ะคือความลึกซึ้งของบทจางจูวอน และนักแสดงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
จางจูวอน เหมือนปลาแสงอาทิตย์ ที่เป็นปลาตัวใหญ่ มีความแข็งแกร่ง แต่ก็มีความอาภัพ
ปลาแสงอาทิตย์ เป็นปลาที่ไม่มีหาง ทำให้ว่ายน้ำแบบไม่รู้ทิศทาง ซึ่งมันตรงกับคาแรคเตอร์ของจางจูวอนที่เป็นคนแข็งแกร่ง แต่มีโชคชะตาที่แสนอาภัพ เป็นหนุ่มเฟอะฟะที่ชอบหลงทิศหลงทาง ชีวิตของจางจูวอนเป็นไปอย่างราบเรียบว่างเปล่า ชอบดูหนัง ดูมวยปล้ำ เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง และแล้ววันหนึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาเติมเต็มในชีวิตเค้า… ทำให้ชีวิตที่แสนว่างเปล่าของเค้ามีความหมายขึ้น
เรื่องราวชีวิตรักของจางจูวอนคือ อีกสิ่งที่ทำได้ดีเยี่ยม ไม่หวือหวา ไม่หวานเลี่ยน เป็นความรักที่เรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไป เป็นคู่ชีวิตที่อยู่เคียงข้างเป็นกำลังใจให้กัน แต่แล้ววันหนึ่ง เธอคนนั้นก็มาจากเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ และนี้คืออีกซีนที่เป็นมาสเตอร์พีซของบทจางจูวอน กับฉากงานศพภรรยา เค้าได้สูญเสีย 1 ในคนที่รักที่สุดของชีวิตไป ชีวิตของคนๆหนึ่งที่เพิ่งจะยิ้มได้ไม่นานนี้เอง
แต่ทว่าความทุกข์กลับเข้ามาเยือนชีวิตของชายคนนี้อีกแล้ว และเป็นอีกครั้งที่รยูซึงรยงถ่ายทอดบทบาทได้สุดสมจริง ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนโลกถล่มลงมา ยิ่งตอนที่ร้องไห้ไปด้วย กำลังใส่ชุดไว้ทุกข์ไปด้วย มันดูเรียลจนสะเทือนใจ คือฉากร้องไห้แบบ Long take ของเขา จะกลายเป็นฉากในตำนานที่หลายคนยกย่องไปอีกนานแสนนานเลย
ร่างกายของจางจูวอนอาจมีพลังวิเศษ แต่หัวใจของเขาก็คือมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น
ร่างกายอาจถูกเยียวยา แต่ทว่าบาดแผลทางใจไม่สามารถเยียวยาได้ แม้ร่างกายจะยังแข็งแรงดี แต่หัวใจของเขากลับๆค่อยๆถูกเชือดเฉือนเต็มไปด้วยบาดแผลที่รักษาไม่หาย
สิ่งยึดเหนี่ยวเดียวในจิตใจของเขาในตอนนี้ คือลูกสาว ดังนั้นเค้าจึงยอมทุ่มเทและปกป้องลูกสุดชีวิต หลายครั้งเราได้เห็นความเป็นพ่อในตัวจางจูวอน พ่อที่ยอมลำบากเพื่อลูก และเขาคือพ่อคนหนึ่งที่มีพลังความรักอันยิ่งใหญ่ให้ลูกเสมอ
สำหรับเรา บทจางจูวอนเหมือนเป็นศูนย์กลางของเรื่อง เป็นตัวเอกที่บทเด่นสุด และตัวละครของเค้ามีความเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่นๆเกือบทุกตัวละคร จึงทำให้บทจางจูวอนมีแอร์ไทม์เยอะสุด มีบททุกตอน ซึ่งเราก็ไม่เคยเบื่อที่จะดูตัวละครตัวนี้เลยค่ะ เพราะเรื่องราวชีวิตของจางจูวอนมันน่าติดตามมาก มนุษย์เดินดินคนนึงที่ชีวิตที่เต็มไปด้วยบาดแผลทางใจ เรารู้สึกว่าตัวละครตัวนี้มีความเป็นมนุษย์ปถุชนในตัวสูงมาก บทจางจูวอนเป็นบทที่มีมิติมากที่สุดบทนึงเลย คือบทถูกเขียนขึ้นมาอย่างดีมากจริงๆ
และนอกจากบทที่ดีแล้ว อีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ การแสดงของรยูซึงรยง เค้าถ่ายทอดความเป็นจางจูวอนได้เสมือนมีตัวตนจริงๆ เค้าสามารถนำพาทุกคนอินไปกับชีวิตของจางจูวอนได้ นี้คือความเก่งของนักแสดงท่านนี้ค่ะ สมกับเป็นนักแสดงเบอร์ใหญ่ของเกาหลีใต้ รางวัลแดซังที่เคยได้ การันตีความเก่งของเค้าเลย