วันพุธ, 4 ธันวาคม 2567

รีวิวหนัง one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

11 ก.ค. 2022
415
รีวิวหนัง one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ
รีวิวหนัง one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ ภาพยนตร์สัญชาติไทยลำดับที่ 3 ของคุณ บาส นัฐวุฒิ ถัดมาจาก ฉลาดเกมส์โกง 

one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ
one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

หนังเรื่อง one for the road ยังได้ หว่อง กาไว ผู้กำกับ Drama ชื่อดังก้องโลกมาเป็นโปรดิวเซอร์คอยควบคุมอย่างใกล้ชิดซึ่งเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่คว้ารางวัลจากเวทีนานาชาติ SUNDANCE ด้วย 

มันเป็นหนังที่น่าสนใจเลยทีเดียวเลยครับกระแสต่างๆก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างดีก่อนหนังเข้าด้วย ตนเองมีความคิดเห็นยังไงกับหนังเรื่องนี้ก็ปกติครับอยากดูแน่นอนอยู่แล้วแต่ไม่ถึงขั้นเฝ้ารออะไรขนาดนั้น เรื่องราวระหว่างเพื่อนรัก 2 คนหนุ่มมากเสน่ห์ที่จากบ้านมาไกลเป็นเจ้าของบาร์อยู่ที่นิวยอร์กเขาได้รับสายจากไทยโดยวุฒิเพื่อนสนิทที่โทรมาแจ้งข่าวร้ายว่าตัวเองนั้นเป็นมะเร็งในน่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานสักเท่าไหร่ 

one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ
one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

เขาจึงขอร้องให้เพื่อนรักและกลับมาที่ไทยเพื่อช่วยให้เขานั้นได้ทำในสิ่งที่เขาอยากทำก่อนตายในการเอาของบางอย่างกลับไปคืนแฟนเก่าแม้จะดูเป็นคำพูดที่ดูแปลกประหลาดแต่มาจาก เพื่อนสนิท ที่กำลังป่วยอยู่แล้วบอสไม่ลังเลที่จะติดต่อกลับมาเลยครับยินดีที่บ้านเห็นเดินมาถึงไทยการเดินทางของทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นชายหนุ่มสองคนกับรถเก่าๆและเทปคลาสสิค ทั้งหมดนี้จะพาคุณย้อนวันวาน มันจะนำพาพวกเขาไปสู่อะไรติดตามได้ใน วันสุดท้ายก่อนบายเธอ 

เป็นหนังที่มีมุมมองงดงามมากจนยับนี่คงจะเป็นนิยามของผมที่มีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ แนะนำเลยแล้วกันครับ ไม่ต้องรู้เยอะมากก็ได้ต้นทางและทางออกมาได้อย่างกลมกล่อมและทีมรวมของน่าจะหนักมากๆแต่ก็มีความขบขันแทรกมาให้เรานั้นผ่อนคลายบ้างเป็นระยะระยะ ที่สำคัญก็คือมันดูง่ายมากๆครับไม่ต้องตีลังกาดูแต่อย่างใดมีไกด์ไลน์มีการบอกใบ้ไว้ตลอดทาง ให้เรานั้นไม่หลงไปดูได้เลยครับแล้วก็ขอจบเพียงเท่านี้แล้วกัน ล้อเล่นนะครับถ้าจะให้บรรยายความยอดเยี่ยมของ one for the road  นั้นผมขอเริ่มที่บรรยากาศก่อนแล้วกัน 

one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ
one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

หนังสไตล์นี้กลับรถและเทปคาสเซ็ทเนี่ยจะกลายเป็นของคู่กันซะแล้วครับ ถ้าเกิดว่ายังจำกันได้นั่งอย่าง  Drive My Car  เคยฝากความข่มขืนให้ผมไว้เยอะเหมือนกันชนิดที่ว่าตอนนี้ในก็ยังหยุดคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้เลยแต่เดี๋ยวจะมาพูดถึงเรื่องนั้นกันทีหลังแล้วกัน แต่ถึงแม้ว่าตอนเริ่มต้นหนังมันจะเหมือนกันแต่ Message ที่ต้องการจะส่งนั้นมันต่างกันโดยสิ้นเชิงสบายใจได้ก็ตัวหนังนั้นสร้างอารมณ์จะ setting ของเรื่องตั้งแต่ต้นชัดเจนนั่นก็คือให้ตัวละครหลักของเรานั้นออกเดินทางไปทำภารกิจจริงๆแล้วก็ถือว่าค่อนข้างแปลกอยู่นะครับสำหรับภาพยนตร์ที่มีบรรยากาศแบบนี้เนี่ยมันจะออกแนวไปเรื่อยๆมากกว่าจริงๆแล้วช่วงแรกของนางเนี่ยผมก็มีข้อสงสัยอยู่มากมายพอสมควรเลยครับทั้งในเรื่องของแรงจูงใจของตัวละครได้ตัดสินใจต่างๆแต่ว่าทุกคนใจเย็นๆกับนางจะตอบทุกข้อสงสัยของเราเอง 

ไม่ต้องกังวลครับเพราะว่าทีมงานเขารู้เหมือนกันว่าคนดูกำลังคิดอะไรอยู่ในทุกๆฉากทุกๆสิ่งที่เริ่มจะรู้สึกว่ามันทะแม่งๆเนี่ยจะมีการดักทางไว้เสมอกับแล้วก็มีเหตุผลอธิบายทั้งหมดแบ่งเรื่องนี้แหละดูได้ง่ายจริงๆอย่างที่บอกไปแต่ถ้าเธอพยายามคิดตามและตั้งข้อสงสัยเล็กน้อยมันจะสนุกกว่าเดิมมากๆครับ เพราะองค์ประกอบเล็กน้อยทุกอย่างนั้นมีความหมาย ไม่ได้พยายามเพิ่มเข้ามาเพื่อเพิ่มบรรยากาศเท่านั้นอารมณ์ของหนังเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ครบมากๆ มีทั้งสุขมีทั้งเศร้าทั้งเหงาและก็ยังซึ้งด้วยตามแบบฉบับหนังไทยที่นิยมนั่นแหละครับ แต่ถึงจะบอกแบบนั้นจังหวะการใส่อารมณ์ของหนังเรื่องนี้มันก็ เวี่ยงพอสมควรมากจริงๆ จากสุขก็เป็นเศร้าได้ในพริบตาไม่ทำให้เราตื่นตัวดีเหมือนกันครับ แต่ที่สำคัญก็คือมันเข้ากับแนวหนังแล้วก็ พอตเรื่องนี้มากๆ 

one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ
one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

นักแสดงเป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าชื่นชมทำได้ดีทุกคนมากจริงๆโดยเฉพาะกับนักแสดงนำอย่าง ต่อ ธนภพ และ ไอซ์ซึ ที่แทบจะเป็น 80% ของเรื่องครับคุณตอนนั้นดูเป็นธรรมชาติและลื่นไหลมากๆคนอะไรจะทั้งเท่ทั้งกวนได้ขนาดนี้ที่เราต่างๆก็ทำออกมาได้ดีกับเราเนี่ยดูเขามานานมากแล้วก็รู้สึกว่าเขาพัฒนาขึ้นมากๆเนี่ยจะเป็นผลงานของคุณต่อ ที่ผมชอบมากที่สุดแล้วก็เป็นได้กับบท บาร์เทนเดอร์ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ในเรื่องนั้นอาจจะดูไม่ได้แสดงยากอะไรแต่อย่าลืมว่านี่คือตัวละครที่แทบจะนำเรื่องทั้งเรื่องเป็นตัวละครที่มี screen tine เยอะมากๆ ที่คนดูนั้นเห็นคุณอยู่ในจอบ่อยแล้วรู้สึกดึงดูดสายตาทุกครั้งนั่นคือสิ่งที่น่าจะทำได้ยากที่สุดแล้ว คุณ ไอซ์ซึ ก็เช่นเดียวกันเข้าคู่กันได้ดีมากๆผมได้ตามเข้ามาตั้งแต่ The Voice Series ก็รู้สึกว่าคนคนนี้เนี่ยเล่นได้ทุกอย่างจริงๆ 

ซึ่งได้ข่าวว่าต้องลดน้ำหนักถึง 14 กิโลเลยครับเพื่อรับบทมีเรื่องอีกเยอะเลยครับ ที่อยากจะชื่นชมสำหรับหนังเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็น โปรดักชันต่างๆ ความสวยงามในการถ่าย ทำมุมกล้อง แต่เรื่องพวกนี้เนี่ยต่อให้ผมผู้ชมไปยังไงผมเชื่อว่าการดูด้วยตาตัวเองนั้นน่าจะดีที่สุดครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมน่าจะคุยอย่างเดียว หนังเรื่องนี้มันก็มีจุดที่ผมตั้งข้อสังเกตกับมันเช่นเดียวกันครับ นั่นก็คือความปฏิบัติต่อด้านอารมณ์ครับด้วยความที่หนังมันมี setting ที่ประหลาดอยู่พอสมควรเพราะที่มีความหลากหลายทำให้เรานั้นเจอหลากหลายอารมณ์มันไม่ใช่ข้อเสียนะครับ เพราะว่ามันไม่ได้พาเราไปสุดทางในด้านของอารมณ์ครับ ผมไม่รู้ว่าทุกคนนั้นคาดหวังอะไรแต่ไม่ใช่วันนั้นดราม่าทุกเรื่องนั้นจะให้อารมณ์เศร้าสุดหรือว่าปลื้มใจแสนสุดไม่ใช่ทุกเรื่องจะเป็นแบบนั้นครับ 

one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ
one for the road วันสุดท้ายก่อนบายเธอ

เรื่องนั้นค่อยๆ ออกแนวเรื่อยๆ ค่อยให้เราตามหลังไปอย่างช้าๆ ก่อนที่หนังนั้นจะตกผลึกบางอย่างในใจของคนดู เหมือน หนังเรื่องนี้จะเป็นแบบนั้น อาจจะไม่ใช่หนังรักที่ผมชอบมากที่สุด ถ้าเกิดว่าจะให้ยกตัวอย่างหนังไทยที่ผมนึกถึงเรื่องนี้เป็นอันดับแรก น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ผมคิดไว้ เพราะมุมมองตัวละคร บทสนทนา บรรยากาศ รวมไปถึง Message ทุกอย่างนั้นลงตัวยอดเยี่ยมและปราณีตมากๆ ไม่มีที่ติจริงๆนั่นแหละครับ มันขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าจะรู้สึกกับมันมากแค่ไหนสิ่งนี้มันสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหนังแนวนี้คนเรานั้นมีมุมมองต่อความรักที่แตกต่างกัน มุมมองต่อชีวิตที่แตกต่างกัน เหมือนกับหนังเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกันครับ