วันพฤหัสบดี, 25 กรกฎาคม 2567

รีวิว Avatar: The Way of Water – อวตาร 2 วิถีแห่งสายน้ำ

รีวิว Avatar: The Way of Water - อวตาร 2 วิถีแห่งสายน้ำ

อวตาร 2 เรื่องย่อ หลังจากถูกส่งกลับโลกได้ไม่นาน มนุษย์ก็กลับมารุกรานดาวแพนดอร่าอีกครั้ง นำโดย ผู้พันควอริทซ์ ซึ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างอวตาร โดยเขาหมายมั่นปั้นมือจะล้างแค้น เจค ซัลลี่ และครอบครัวให้สิ้นซาก เจคและเนย์ทิรี่จึงต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องครอบครัวของพวกเขา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

หลังจาก อวตาร 2 ปล่อยให้รอคอยกันมานานกว่า 13 ปี

ในที่สุดผู้ชมทั่วโลกก็ได้ยลโฉม Avatar: The Way of Water ภาพยนตร์ภาคต่อที่ว่ากันว่าใช้เงินทุนสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์เสียทีครับ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโยโลยีในยุคปัจจุบันทำให้การเดินทางกลับสู่ดาวแพนดอร่าในครั้งนี้ ยังคงสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้เหมือนครั้งแรก โดยเฉพาะการได้ประจักษ์กลับโลกใต้น้ำในจินตนาการของ James Cameron บนจอของโรงภาพยนตร์ IMAX

Avatar: The Way of Water มีความเป็นภาพยนตร์ดราม่ามากกว่าแอ็คชั่นนะครับ โดยพุ่งเป้าไปที่การตัดสินใจในภาวะสงครามของทุกตัวละคร ซึ่งมีเงื่อนไขในชีวิตต่างกันออกไปครับ ตัวละครหลักที่ผู้ชมคุ้นเคยอย่างเจคและเนย์ทิรี่ เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่น่าสนใจ ผู้ชมจะไม่ได้เห็นโทรุคมัคโตผู้กล้าหาญ และเป็นผู้นำกองทัพชาวนาวีออกต่อสู้กับคนบนฟ้าอีกแล้ว

หากแต่เราเห็นพวกเขาในฐานะพ่อแม่ ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการศึก แท้กระทั่งต้องทิ้งบ้านของพวกเขาเอาไว้เบื้องหลังก็ตาม ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็มอบพื้นที่ให้กับเหล่าตัวละครหน้าใหม่มากมาย โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น โลอัค ลูกชายคนรองของครอบครัวซัลลี่ และ คิรี ลูกสาวบุญธรรมของตระกูล ซึ่งพวกเขามักถูกมองในฐานะคนนอกที่ไม่สมบูรณ์แบบ และต้องดิ้นรนอย่างหนักในการหาที่ยืนให้กับตัวเองครับ

จุดเด่นสำคัญของ Avatar: The Way of Water

จุดเด่นสำคัญของ Avatar: The Way of Water

คงหนีไม่พ้นการพาผู้ชม ออกเดินทางไปสำรวจวัฒนธรรมใหม่กับเผ่าเมตเคยิน่า ชาวนาวีภาคพื้นทะเลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในแง่ของรูปร่างลักษณะและชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา ซึ่งภาพยนตร์เลือกใช้ความแตกต่างหลากหลายทางเผ่าพันธุ์ของตัวละคร มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของความขัดแย้งได้เป็นอย่างดีครับ เนื่องจากภายในครอบครัวซัลลี่นั้นเต็มไปด้วยความแตกต่าง เมื่อเจคนั้นเติบโตขึ้นมาจากการเป็นมนุษย์ แต่งงานกับเนย์ทิรี่ซึ่งเป็นชาวนาวีแท้ๆ นั่นทำให้พวกเขามีความเห็นที่ไม่ตรงกันในหลายเรื่อง

ขณะที่ลูกของพวกเขาก็เป็นลูกผสม และถูกมองเป็นตัวประหลาดจากทั้ง 2 เผ่าพันธุ์ ซึ่งเมื่อความขัดแย้งเหล่านี้ถูกผลักเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมโดยฉับพลัน นำมาซึ่งความทุกข์ทรมานจากการปรับตัวของเหล่าตัวละครครับ นอกจากประเด็นครอบครัวแล้ว ภาพยนตร์ก็ยังสอดแทรกประเด็นรองให้กับเรื่องราวอีกมากมายครับ เช่น การรุกรานและฉกฉวยผลประโยชน์ของมนุษย์ หรือการแทนค่าเหล่าตัวละครในเรื่องเข้ากับสิ่งแวดล้อม อวตาร2 กี่นาที คงไม่ต้องพูดเรื่องเวลา เราจะได้ดู ภาพยนตร์ เรื่องนี้กันถึง 3 ชั่วโมงเต็มๆ

สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ในความประทับใจมากที่สุดใน Avatar2

สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ในความประทับใจมากที่สุดใน Avatar2

ความวิจิตรตระการตาเหนือจินตนาการของภาพยนตร์ครับ James Cameron แทบจะนอนกอดรางวัลออสการ์สาขาวิช่วลเอฟเฟกต์ไว้ในมือแล้วในตอนนี้ เนื่องจากทุกสิ่งที่เขารังสรรค์ให้กับ Avatar: The Way of Water คือสิ่งที่ไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนจะมอบให้ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาพยนตร์พาผู้ชมไปสำรวจระบบนิเวศของมหาสมุทรบนดาวแพนดอร่า ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากชนิดที่น่าดูชม แนวปะการังที่งดงามราวกับเทพนิยาย

และวิถีชีวิตของชาวเผ่าเมตเคยิน่า ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันและสามารถมอบลมหายใจให้กับภาพที่เราเห็นบนจอได้อย่างน่าอัศจรรย์ครับ ประเด็นสำคัญคือ James Cameron ไม่ได้เลือกใช้งานด้านภาพ 3 มิติของเขาเป็นเครื่องมือในการเร้าอารมณ์ของผู้ชมในแง่ของฉากแอ็คชั่นเพียงอย่างเดียว หากแต่มันเป็นการเนรมิตความสวยงามขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครเป็นหลัก นั่นจึงทำให้ทุกอย่างยิ่งแนบเนียนเป็นเนื้อเดียวกันมากยิ่งขึ้น