วันศุกร์, 26 กรกฎาคม 2567

The black phone สายหลอนซ่อนวิญญาณ ฉายในปี 2022

The black phone สายหลอนซ่อนวิญญาณ ฉายในปี 2022

The black phone สายหลอนซ่อนวิญญาณ ฉายในปี 2022 เป็นหนังภายใต้สังกัดของ พาราเมาต์ พิกเจอส์โดย Brown house production และได้ผู้กำกับ สก๊อต direct สันที่เคยฝากผลงานไว้อย่าง ติดมิเตอร์ urban Legend The exorcism of Emily Rose และยังมีส่วนร่วมในการกำกับหนังเรื่อง Doctor strange In The multiverse of madness 

โดยหนังได้ อีธานฮอว์ค มารับบทเป็น ฆาตกรโรคจิตที่ชอบจับตัวเด็กไปทรมาน ตัวนักแสดงนำที่เหลือนั้นก็ล้วนแต่เป็นเด็กรุ่นไหนด้วยกันทั้งสิ้นเรื่องราวความสนุกสนานของแม็คโครจะเป็นอย่างไรเชิญติดตามจาก รีวิว นี้ได้เลยครับ

The black phone 2

The black phone เล่าเรื่องราวในยุคปี 1970 

ที่มีเหตุการณ์ เด็กๆหายตัวไปอย่างปริศนาและมีข่าวลือถึงฆาตกร ที่มักจะจับเด็กไปทรมาน ฟินนี่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อและน้องสาวที่ชื่อว่ากลัววันหนึ่งเป็นหนี้ได้ถูกฆาตกรรายนี้จับตัวไปขังไว้ที่ห้องใต้ดินโดยที่มีโทรศัพท์สีดำอยู่ในห้อง ระหว่างนั้นเขาก็ได้รับสายปิดสนาจากโทรศัพท์สีดำเครื่องนั้น ผู้คนปริศนาในสายพยายามที่จะช่วยเขาให้หนีจากฆาตกรโรคจิตคนนี้ให้ได้ ซึ่งเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนั้นก็ต้องขอให้ทุกท่านไปติดตามรับชมต่อได้ในภาพยนตร์เองเลยนะครับ สำหรับใครที่ชอบหนังสยองขวัญระทึกขวัญผมขอแนะนำว่าให้ไปดูหนังเรื่องนี้โดยที่ไม่ต้องดู ตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งจะได้อารมณ์ความรู้สึกและอรรถรสในการรับชมเนื้อเรื่องอย่างเต็มที่นะครับส่วนคลิปนี้

The black phone 3

จุดเด่นจุดด้อยและข้อเสียหรือข้อสังเกตของหนัง

  • ข้อแรกก็คือผู้กำกับคนนี้มีชื่อมาจากหนังสยองขวัญ ทำหนังเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะมีความแตกต่างจากหนังสยองขวัญที่เขาเคยสร้างมาก่อนหน้านี้พอสมควรเลยนะครับคือหนังไม่ได้มีความเป็นหนังสยองขวัญแบบร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ก็มีการผสมผสานระหว่างหนังระทึกขวัญไล่เชือดที่ค่อนข้างลงตัวพอสมควรครับหนังไม่ได้มีอะไรหวือหวาฉากโหดก็ไม่ค่อยมีนะฮะแต่กลับทำออกมาได้อย่างลงตัวและกลมกล่อมมากครับ 
  • ส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นเส้นตรงแล้วก็ทำให้กูดูนั้นปมต่างๆ หรืออุปสรรคต่างๆที่ตัวละครจะต้องเอาตัวรอดหรือผ่านอุปสรรคนั้นไปให้ได้ แม้ว่ามันจะดูเรียบง่ายแต่การเล่าเรื่อง แนวไล่เชือดแบบ ฮอร์เรอร์ ก่อนก็ตามนะครับได้กลับมีความสนุกสนานมากๆแล้วก็ยังมีการหักมุมเล็กๆในตอนท้ายเรื่องด้วยเรียกว่าหนังเรื่องนี้ดูแล้วมันย่อยง่ายมากๆครับไม่ต้องคิดเยอะก็ได้แต่ก็สามารถรับรู้ถึงความสนุกของหนังได้เช่นกันครับ
  • จุดเด่นต่อมาก็คือผู้กำกับเคยสร้างตัวละครที่น่าจดจำในภาพลักษณ์ของหนังสยองขวัญมาจากเรื่องคือมิเตอร์ทั้ง 2 ท่านนะครับยังคงใช้แนวเดิมในการสร้างตัวละครนักเชื่อภายใต้หน้ากากอยู่เช่นเดิมแต่ใช้โทรศัพท์เป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องนะครับตรงนี้ก็คล้ายกับใน Synyster ทั้ง 2 ภาคที่เป็นม้วนวีดีโอที่เป็นสื่อกลาง การทำซ้ำรอยเดิมของเขานะฮะแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวละครฆาตกรตัวนี้มันค่อนข้างมีความสดใหม่และเป็นตัวละครน่าเชื่อที่มีความน่าจดจำและน่าสนใจทีเดียวครับการใช้ฉากหลังที่เป็นยุค 70 แล้วก็มีการใช้ฉากบางฉากที่มีมุมกล้องและภาพเหมือนกับหนังยุคฟิล์ม 35 mm ในอดีตตัวนี้ทำให้ความเป็นหนังสยองขวัญนั้นดูแบบย้อนยุคและได้อารมณ์ไปอีกแบบนึงนะครับถ้าสังเกตฉากของหนังเรื่องนี้ก็จะมีการพูดถึงหนังเก่าอย่างเช่นล่อมาชำแหละเอามาใช้กับหนังด้วยและยังมีอีกหลายฉากที่ตั้งใจถ่ายทำเพื่อเป็นการคารวะหนังสยองขวัญในช่วงยุค 70 เช่นกันครับซึ่งต้องขอบอกว่าช่วงนี้การทำหนังให้มีบรรยากาศคล้ายกันหนังช่วงยุค 4.0 ก็ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมเลยทีเดียวนะครับ 
The black phone1

ในจุดที่ชอบเป็นพิเศษก็คือการใส่รายละเอียดและข้อมูลต่างๆ

ที่ตัวละครของ ฟินนี่ จะต้องแก้ไขปริศนาและทำภารกิจเพื่อเอาตัวรอดซึ่งรายละเอียดเหล่านี้จะถูกขโมยไปใช้ในตอนสุดท้ายของเรื่องซึ่งมันจะมีนัยยะสะท้อนถึงแนวคิดภายในเรื่องพอสมควรเลยนะครับ ที่สำคัญหนังเขายังคงสอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับ การบูลลี่ในสังคมอเมริกัน ด้วยโดยเฉพาะสังคมในแวดวงการศึกษาของนักเรียนด้วยนะครับชอบวิญญาณที่พยายามติดต่อกับฟินนี่เขา create และใส่รายละเอียดได้ดีมากทั้งนักเบสบอลเชื้อสายญี่ปุ่นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ที่ไม่เคยเป็นที่จดจำเด็กเกเรรวมถึงเพื่อนสนิทของ ฟินนี่ ที่เป็นชาวอเมริกันซึ่งเหมือนว่าจะดูแล้วไม่มีอะไรทั้งยังให้สื่อถึงความหลากหลายของบุคลิกและความคิดอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของเด็กในกลุ่มชายขอบในสังคมอเมริกันด้วยซึ่งนับว่าเป็นอะไรที่มีความน่าสนใจและสะท้อนสังคมในปัจจุบันได้อย่างดีเลยทีเดียวนะครับ 

The black phone 5

ที่สำคัญฉาก จั้มสแก ของ The black phone ที่ใช้ในหนังเรื่องนี้ ดีมาก

ผมก็มองว่าค่อนข้างในผลเลยทีเดียวครับมีจุดที่เป็นข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือเรื่องเนี่ยมันเจอหลุมศพทั้งหมด 5 หลุมแต่รู้สึกว่าผมจำได้ว่า วิญญาณที่คุยโทรศัพท์กับเจนนี่มีแค่ 4 ตนหรือว่าผมจำผิดใครก็ไม่แน่ใจนะครับซึ่งถ้ามันขาดไป 1 เป็นอย่างนั้นจริงๆตรงนี้อาจจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ผู้กำกับอาจจะจงใจปล่อยเอาไว้ก็เป็นได้นะครับ

The black phone 4

ในส่วนของจุดด้อยที่มองว่ามันยังไม่สุด

เช่นผมมองว่าหนังเรื่องนี้ได้ทิ้งปมปริศนาเอาไว้ค่อนข้างเยอะมากเช่น ทำไมฆาตกรถึงได้กระทำการดังกล่าว โทรศัพท์ที่ทำมาจากไหน มีที่มาที่ไปอย่างไร แม่ของฟินนี่และเกว็นดูเหมือนว่าจะมีปริศนาบางอย่างซ่อนอยู่ เพราะในหนังนั้นก็จะมีการพูดถึงประเด็นของ เกว็น ที่สามารถฝันและมองเห็นบางสิ่งบางอย่างได้ซึ่งมีการพูดถึงแม่ของเธอว่าเธอเคยทำได้เช่นนี้มาก่อนนะครับคิดว่าผู้กำกับนั้นอาจจะงามประเด็นเหล่านี้เอาไว้เพื่อ ทำภาคต่อก็เป็นได้แต่ผมมองว่ามันก็อาจจะกว้างเกินไปจนทำให้หลายสิ่งหลายอย่างนั้นมันขาดความสมเหตุสมผลพอสมควรโดยเฉพาะพฤติกรรมของฆาตกรที่บางอย่างนั้นเราก็งงว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นนะครับ