เรื่องย่อ The Burning Sea โซเฟียนักบังคับหุ่นยนต์สำรวจใต้ท้องทะเลต้องหาทางช่วยคนรักของเธอซึ่งไปติดอยู่บน แท่นขุดเจาะน้ำมันที่กำลังจะระเบิดโซเฟียต้องแข่งกับเวลาที่งวดเข้ามาทุกขณะและพยายามเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์คับขันนี้ให้ได้
นับตั้งแต่การมาถึงของภาพยนตร์อย่าง The Day After Tomorrow ก่อนนะเป็นการนิยามภาพยนตร์แนวภัยพิบัติให้กับผู้ชมได้อย่างชัดเจนครับในก็คือการมอบความวินาศสันตะโรให้กับเรื่องราวพร้อมเรื่องงานสร้างระดับท็อป การมีชีวิตรอดและภารกิจระดับโลกของตัวละครและภาพยนตร์อย่าง Burning Sea ซึ่งเป็นผลงานภัยพิบัติสัญชาตินอร์เวย์เรื่องนี้เรื่องจะเดินเรื่องไปข้างหน้าด้วยเงื่อนไขส่วนบุคคลของตัวละครเท่านั้นครับและก็เลือกจะพูดถึงผลกระทบของภัยพิบัติได้แง่มุมที่สมจริงมากขึ้นแม้ว่าตัวหนังจะมีงานคอมพิวเตอร์กราฟิกอันยอดเยี่ยมก็ตามครับ
The Burning Sea ไม่ได้วางให้เป็นภาพยนตร์แนวกอบกู้โลก
หรือว่าสร้างความหวังให้กับมวลมนุษยชาติอย่างที่เราคุ้นเคย หากแต่เรื่องจะโฟกัสไปที่ตัวละครหลัก โซเฟีย หญิงสาวคนนึงที่พยายามเดินหน้าช่วยชีวิตคนรักของเธอซึ่งไปติดอยู่ในสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ลืมจะเล่าเรื่องราวแวดล้อมของโซเฟียด้วยเช่นเดียวกัน ใช้ในแง่ของการรับมือกับภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นการตัดสินใจของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานรวมถึงการควบคุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ในหลากหลายกรณีซึ่งหากว่ากันตามตรงแล้วนะครับเรื่องที่กล่าวมานี้ มันดูน่าสนใจกว่าเส้นเรื่องหลักของโซเฟียซะด้วยซ้ำครับ
William Lee ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากในทุกการตัดสินใจของเรื่องราว
ในการรวมถึงตัวเขาในยังเป็นผู้ที่ต้องปัดกวาดแล้วก็ทำงานสกปรกให้กับองค์กร ในเบื้องหลังเพื่อควบคุมความเสียหายให้อยู่ในวงที่แคบที่สุด ทุกแนวความคิดและการตัดสินใจของเขาดูโหดร้าย แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีเหตุผลรองรับมากพอ รู้สึกว่าเราโกรธเขาไม่ลงครับน่าเสียดายครับที่ตัวละครอันเยือกเย็นและก็น่าค้นหานี้ไม่ได้ถูกสำรวจอย่างคมคายมากนักในขณะเดียวกันนะครับตัวไหนเนี่ยก็ดูมีความพยายามจะพูดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมและก็ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์อย่างชัดเจนครับ โดยเฉพาะกับการนำเสนอข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นเมื่อแท่นขุดเจาะน้ำมันกว่า 30 แห่งการทะเลเนี่ยเกิดรั่วแล้วก็พังทลายลงในเวลาเดียวกันครับซึ่งมันเป็นความเสียหายในวงกว้างที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเลอุตสาหกรรมและธุรกิจที่จะต้องล่มสลายรวมถึงปัญหาการคมนาคมและการท่องเที่ยวที่อาจจะต้องใช้เวลาเยียวยากันนานนับทศวรรษ
The Burning Sea ก็เลือกจะเล่าเรื่องราวดังกล่าวเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น
การตัดสินใจอย่างกำปั้นทุบดินให้กับเหล่าตัวละครโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา อย่างที่ตัวหนังได้กล่าวไว้เลย ซึ่งการมองข้ามรายละเอียดเชิงลึกดังกล่าวมันก็ทำให้ภาพรวมของ มหาวิบัติหายนะทะเลเพลิง กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีโฟกัสของตัวเองอย่างชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันแต่มันก็ขาดมิติด้านกว้างซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ภาพยนตร์นั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้นในทุกเหลี่ยมมุม
เนื้อเรื่องของยังรักษาจุดเด่นของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม
การสร้างความระทึกขวัญให้กับผู้ชมได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะกับการฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการของโซเฟีย ซึ่งผู้ชมหน่อยก็ได้ร่วมผจญภัยไปกับตัวละครเอาใจช่วยเธอให้ช่วยชีวิตคนรักให้สำเร็จให้ได้ ด้วยการเอาชนะสถานการณ์ต่างๆทั้งเรื่องที่สามารถผ่านได้อย่างง่ายดายในขณะที่บางเหตุการณ์ในใจก็ผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล และที่สำคัญก็คือบางเหตุการณ์เนี่ยมันก็ชวนให้ผู้ชมรู้สึกขนลุกกับภัยพิบัติตรงหน้าได้อย่างน่าชื่นชมมากๆ beast สัตว์ร้าย
ช่วง Climax ที่ทุกอย่างของเรื่องบรรจบเข้าหากันภายใต้ข้อจำกัด
เพื่อทำให้ผู้ชมรู้สึกอับจนหนทางได้ไม่ต่างจากตัวละคร เมื่อผสมกับงานคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ถูกเลือกใช้งานได้อย่างถูกจังหวะมากๆ มันก็ยิ่งชวนให้เรื่องราวทั้งหมดยกระดับความตึงเครียดได้มากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้มีวัตถุดิบในมือที่จะสามารถเป็นหนังแนวภัยพิบัติฟอร์มยักษ์ได้ แต่ภาพยนตร์เรื่องที่จะแตกต่างและก็โฟกัสกับเหตุการณ์เล็กๆ ภายใต้สถานการณ์อันแสนอันตรายมากกว่า หากมองในมุมหนึ่งมันก็เป็นการหลีกเลี่ยงการถูกเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เป็นภาพตามแนวเดียวกันจากฝั่ง ฮอลลีวูด แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือความบันเทิงแบบเฉพาะตัวที่แม้จะไม่ได้ชวนตระการตาไปกับความวินาศสันตะโรของภัยพิบัติ แต่ก็มีดีพอที่จะชวนให้ผู้ชมเนี่ยรวมเอาใจช่วยตัวละครไปได้ตลอดรอดฝั่งนะครับ
สามารถติดตาม รีวิวหนัง คำคมภาพยนตร์ ข่าวหนัง ซีรีย์ ได้ที่ Moviestu
Cr.Filmment