The Fabelmans รีวิว เรื่องราวของ แซมมี่ เด็กน้อยมากจินตนาการที่มีความใฝ่ฝันอยากสร้างภาพยนตร์เป็นของตัวเอง โดยเขาเติบโตขึ้นมาครอบครัวชนชั้นกลางชาวยิวที่มักจะต้องเดินทางย้ายถิ่นฐานเพราะหน้าที่การงานอยู่เสมอ แซมมี่ต้องเผชิญหน้ากับคำถามสำคัญของชีวิตว่า ความหลงใหลในงานศิลปะของเขาจะสามารถเดินทางควบคู่ไปกับความสุขของครอบครัวได้หรือไม่ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดของภาพยนตร์นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง Steven Spielberg
ผลงานล่าสุดของ Steven Spielberg อย่าง The Fabelmans รีวิว
ทำให้เจ้าตัวได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกครั้งในสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ร่วมกับรางวัลในสาขาอื่นอีกถึง 6 สาขาได้แก่ นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของ Michelle Williams, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมของ Judd Hirsch, การออกแบบงานสร้างยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และรางวัลใหญ่สุดอย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมครับ ซึ่งแม้จะมีบางสาขาที่อาจจะพลาดรางวัลไป แต่ในสาขาสำคัญนั้นต้องบอกว่าภาพยนตร์มีลุ้นทีเดียว
The Fabelmans เป็นภาพยนตร์ที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุด
Steven Spielberg เพราะตลอดการรับชมนั้นภาพยนตร์ได้มอบความรู้สึกของการอ่านไดอารี่ชีวิตของ Steven Spielberg พร้อมกะเทาะเปลือกและเจาะลึกลงไปยังก้นบึ้งของเขาได้อย่างละเมียดละไมมากๆ ครับ ในขณะเดียวกันมันก็เป็นภาพยนตร์ Coming of Age ที่พาผู้ชมไปเพ่งมองถึงการเติบโตผ่านช่วงวัย ก้าวข้ามรอยแผลของชีวิต และขับเคลื่อนความฝันด้วยความรักและหลงใหลในภาพยนตร์ของ Steven Spielberg อย่างหมดหัวใจครับ แม้ว่าจะไม่ได้มีจังหวะการเล่าเรื่องที่หวือหวา และไม่ได้มีเทคนิคพิเศษอันแพรวพราว แต่ the fabelmans wikipedia คือภาพยนตร์ที่เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและสามารถเข้าถึงความรู้สึกของผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม
ใครกำลังมองหาภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเบื้องหลังของภาพยนตร์ชื่อดังภายใต้การกำกับของ Steven Spielberg แล้วล่ะก็ The Fabelmans ไม่ใช่คำตอบครับ เพราะภาพยนตร์จบลงก่อนที่ Steven Spielberg จะได้กำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกในชีวิตของเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นเราจึงสามารถมอง
the fabelmans imdb ในฐานะภาพยนตร์ดราม่าครอบครัว
เพราะนอกจากเส้นทางชีวิตของตัวละครหลักแล้ว องค์รวมของ ภาพยนตร์ นั้นถ่ายทอดความยากลำบากของชีวิตแต่งงาน, ปัญหาของการเลี้ยงดูบุตร, การย้ายถิ่นฐานและการปรับตัวเข้าสังคม รวมถึงชาติกำเนิดของชาวยิวที่กลายเป็นปัญหาเมื่ออยู่ในสังคมอเมริกันครับ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นข้อดีครับ เพราะปัญหาใหญ่ของการสร้างภาพยนตร์ชีวประวัติสักหนึ่งเรื่อง คือการเลือกหยิบช่วงเวลาชีวิตของใครสักคนมากว้างจนเกินไป จนทำให้เรื่องราวทั้งหมดขาดโฟกัสและจำเป็นต้องเลือกหยิบเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของพวกเขามาถ่ายทอดเท่านั้น หากแต่การเลือกช่วงเวลาที่แคบลง มันกลับทำให้ทุกอย่างของเรื่องเต็มไปด้วยรายละเอียด และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่มีน้ำหนักจับต้องได้