The Little Mermaid เรื่องย่อ ของแอเรียล นางเงือกสาวที่หลงใหลและอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของโลกมนุษย์ ระหว่างเดินทางสำรวจเหนือผิวน้ำ แอเรียลพบกับเรืออับปางลำหนึ่งและได้ช่วยชีวิตเจ้าชายอีริคเอาไว้ การได้สัมผัสกับมนุษย์ในครั้งนี้นำมาซึ่งการผจญภัยครั้งใหม่ของแอเรียล และมันได้เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
แม้ว่าผมจะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการ์ตูนของ Disney แต่ด้วยความเป็นเด็กผู้ชายแล้ว มันทำให้ผมไม่ได้ผูกพันธ์หรือมีประสบการณ์ร่วมกับผลงานในตระกูล ‘เจ้าหญิง Disney’ เลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่เคยรับชม
ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง The Little Mermaid ฉบับปี 1989
ผมไม่เคยรับรู้เนื้อหาสาระ ไม่เคยฟังเพลง และไม่มีภาพจำของเจ้าหญิงแอเรียลมากไปกว่าภาพนิ่งหรือโปสเตอร์ของการ์ตูนต้นฉบับเลย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นข้อได้เปรียบเล็กๆ ในการรับชมภาพยนตร์ฉบับ Live-Action นะครับ เพราะมันทำให้ผมไม่มีอะไรให้เปรียบเทียบหรือจับผิด ทั้งความเหมือนหรือแตกต่างในแง่ของตัวบุคคลและเนื้อหาของภาพยนตร์ครับ นั่นจึงทำให้ภาพยนตร์เรื่อง The Littlee Mermaid 2023 กลายเป็นภาพจำใหม่ของเจ้าหญิงแอเรียลสำหรับผมครับ
จากกระแสต่อต้านที่รุนแรงราวกับพายุฝนฟ้าคะนองกลางมหาสมุทร ไม่ว่าจะด้วยประเด็นเรื่องหน้าตา, สีผิว, การไม่เคารพต่อผลงานต้นฉบับ หรือความเหมาะสมในอุดมคติก็ตาม แต่หากว่ากันด้วยความมีเสน่ห์, การแสดง และเสียงร้องของเธอแล้ว Halle Bailey สามารถยืนตระหง่านต้านคลื่นลมอันรุนแรง และสำหรับผมแล้ว เธอสามารถทำลายกำแพงแห่งความอคติและเกลียดชังลงได้สำเร็จครับ การแสดงของเธอนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังงานที่ตัวละครต้องการครับ กล่าวคือแอเรียลนั้นกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น
the littlemermaid เจ้าหญิงเงือกน้อย เธอกำลังอยากรู้อยากเห็นและอยากพิสูจน์แนวความคิดของตัวเธอเอง
จนบางครั้งมันกลายเป็นความดื้อรั้นในสายตาของคนรอบตัว ในขณะเดียวกันเธอก็ยังไร้เดียงสาต่อโลกกว้างที่เธอไม่เคยสัมผัส เธอเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น แต่ก็ยังไม่เคยสัมผัสกับความผิดหวังหรือเจ็บปวดจากการเติบโต ซึ่ง แฮลลี เบลีย์ ดราม่า สามารถผสมผสานมวลดังกล่าวเข้าด้วยกันผ่านการแสดงและเสียงร้องของเธอ ยิ่งเวลาบนจอผ่านไปนานเท่าไร เสน่ห์ของเธอก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้น จนรู้ตัวอีกทีผู้ชมก็ไม่สามารถละสายตาจากเธอได้แล้วครับ
นักแสดงอีกคนที่โดดเด่นอย่างน่าเหลือเชื่อก็คือ Melissa McCarthy กับบทแม่มดแห่งท้องทะเลอย่างเออร์ซูล่า แม้จะมีเวลาบนหน้าจอที่จำกัด แต่เธอก็สามารถสร้างจริตจะก้าน และบุคลิกส่วนตัวให้กับตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องชื่นชมก็คืองาน Make Up ที่ทั้งตอบโจทย์ตัวละครและส่งให้ภาพลักษณ์ของ Melissa McCarthy ในบทเออร์ซูล่านั้นน่าจดจำมากขึ้น เช่นเดียวกันกับร่างจำแลงของเธอ ซึ่งรับบทโดย Jessica Alexander ที่มาพร้อมกับความงามที่สามารถสะกดสายตาของผู้ชมได้อย่างหมดจด ความสวยของเธอไม่เพียงแต่เป็นอาวุธในการดึงความสนใจจากผู้ชมเท่านั้นนะครับ แต่มันยังเป็นภาพสะท้อนถึงประเด็นที่ TheLittle-Mermaid – Pantip
the mermaid disney ภาพยนตร์ต้องการนำเสนออย่างมีนัยสำคัญ
Mermaid Movie กล่าวคือยิ่งเราหลงรักความงดงามของตัวละครนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งชวนให้ผู้ชมตระหนักถึงการมองและตัดสินผู้อื่นจากภายนอกมากขึ้นเท่านั้น น่าเสียดายครับที่เวลาบนหน้าจอของตัวละครนี้มีน้อยเกินไป จนทำให้เออร์ซูล่ากลายเป็นวายร้ายที่แบนราบไร้มิติ และขาดพัฒนาการอย่างสิ้นเชิงครับ ตัวละครสมทบอย่างเซบาสเตียนและสกั๊ตเทิลก็มีสีสันขึ้นด้วยเสียงพากย์ของ Daveed Diggs และ Awkwafina ทุกโมเมนต์ที่พวกเขาอยู่ร่วมจอกัน คือกุญแจสำคัญสู่เสียงหัวเราะของภาพยนตร์ครับ
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับ The Little Mer maid ก็คือเพลงประกอบภาพยนตร์ครับ เพลงแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ Part of Your World จากเสียงร้องของ Halle Bailey ซึ่งสามารถขับขานความรู้สึกของคนนอกคอก และความทะยานอยากให้การเป็นส่วนหนึ่งของสังคมออกมาได้อย่างบาดลึกและทรงพลังมากๆ เช่นเดียวกันกับบทเพลง Wild Uncharted Waters ครับ น้ำเสียงของ Jonah Hauer-King สามารถพรรณาความอัดอั้นของเจ้าชายอีริค ผู้ถวิลหาหญิงสาวที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ขณะที่บทเพลงอย่าง the mermaid 2 Kiss the Girl และ The Scuttlebutt จาก Daveed Diggs และ Awkwafina ก็เป็นสีสันที่ช่วยเติมเต็มความสดใสให้กับภาพยนตร์ได้อย่างลงตัว และปิดท้ายด้วย Under the Sea ซึ่งเป็นเพลงที่แสดงความเป็นมิวสิคคัลใต้ท้องทะเลของภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในมือของผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง Rob Marshall ผู้เชี่ยวชาญในการเนรมิตงานด้านภาพและการเคลื่อนกล้องที่สวยงามเข้ากับบทเพลงอันไพเราะ เหมาะกับการรับชมในโรงภาพยนตร์เป็นอย่างมากครับ
