มันจะต้องดูอันตราย ราวกับว่า paul พระเอกดูน ได้เจอคนที่เท่าเทียมกับเขาแล้ว และมันจะต้องยาวนานกว่าภาคแรกตอนที่ Paul สู้กับ Jamis” กล่าวโดยผู้กำกับ Denis Villeneuve
นอกเหนือจากความสุดยอดของคาแรคเตอร์ที่พวกเขารับบทแล้ว Timothée Chalamet และ Austin Butler ก็นำพาฉากต่อสู้ที่ทั้งซับซ้อนและสวยงาม “พวกเขาเป็นนักแสดงที่น่าทึ่งทั้งคู่
พระเอก Dune ทั้งคู่ความสามารถทางกายภาพก็ไม่แพ้กัน
Lee Morrison ผู้ที่เป็นคนดูแลซีนต่อสู้และเป็นสตั๊นแมนตั้งข้อสังเกต “พวกเขาทั้งคู่ร่วมกันผลักดันซีนนี้อย่างต่อเนื่อง พยายามยกระดับไปอีกขั้นด้วยความเร็วที่พวกเขาใช้ในการต่อสู้กัน เราต้องบอกให้พวกเขาช้าลง เพราะเราอ่านท่าทางการต่อสู้ไม่ออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น นั้นแหละคือความเร็วที่พวกเขาอยากไปในระดับนั้น” ( อันนี้ก็ถูกของมุมสตั๊นแหละ ว่าสู้เร็วไปก็เท่านั้น ถ้าดูไม่ออก มันก็ไม่เห็นความสวยงามของการเคลื่อนไหว )
ส่วน Set ในซีนนั้น ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 22 อาทิตย์ นอกจากนั้น Greig Fraser ผู้กำกับภาพก็มีวิธีที่ซับซ้อนในการจำลองฉากพระอาทิตย์ขึ้นทางด้านหลัง ด้วยการใช้อุปกรณ์ในการฉายไฟทั้งหมดไว้ด้านหลัง ตัว Denis Villeneuve บอกว่า “เขาไม่เคยเห็นไฟอะไรเยอะแยะขนาดนี้มาก่อนในกองถ่าย” Greig Fraser สร้างท้องฟ้าจำลองขนาดใหญ่ขึ้นมา ใชุ้อปกรณ์ แผง Vortex 8 LED ทั้งหมด 800 แผง เพื่อสร้างความสว่างของพระอาทิตย์
ตัว Greig Fraser บอกว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากเทคนิคการผลิตของพวกละครเวที
ใช้ผ่าม่านสีขาวอีกทีเพื่อคลุมพวกแผงไฟทั้งหมด เพื่อให้แสงยังรอดออกมาได้ ผ้าถูกสร้างขึ้นมาพิเศษให้ไล่ระดับความทึบแสงมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงเส้นขอบฟ้า ( Line of the horizon ) ตัวม่านสามารถยกขึ้นหรือลดลงได้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกล้องและมุมมองที่อยากได้ เพื่อให้เห็นเมืองหลวง Arrakeen ด้านหลัง