คำพูดนี้คือประสบการณ์ตรงของผู้กำกับ เดเมียน ชาเซลล์ ที่เลือกหยิบมาใส่ในบทหนัง Whiplash (2014) แล้วผลก็คือไอ้ตัวประโยคสั้นๆนี้กลับฝังใจคนดูไม่แพ้ตัวหนัง ไม่ว่า “Not my tempo” หรือ “Were you rushing or were you dragging” เมื่อสมัยเป็นมือกลองในวงไฮสคูลเขาก็เคยโดนคนคุมวงพูดประโยคเหล่านี้ใส่ซ้ำๆจนหลอน
การลงมือทำ Whiplash (2014) ถือเป็นโอกาสให้ชาเซลล์ได้ระบาย
สำหรับ ชาเซลล์ ในตอนนั้น มันคือคำพูดที่เขาต้องการหลีกเลี่ยงมากที่สุด ความจริงตัวประโยคดูไม่มีอะไรเลย หากแต่วิธีที่มันถูกเปล่งออกมานั่นเองที่ทำให้เขารู้สึกผวา ติดตรึงเป็นฝันร้ายตามรังควาน ชาเซลล์เปรียบว่ามันคือ “ความกลัวขั้นสุด” กลายมาเป็นฉากใหญ่ที่ซึ่งตัวเอก แอนดรูว์ นีแมน ได้ลิ้มรสความโหดของ ครูเฟล็ทเชอร์ เป็นครั้งแรกมีทั้งตวาด ตบตีและแน่นอนกราดคำพูดฝังใจพวกนั้นมารัวๆหรือพูดง่ายๆว่างานนี้ผู้กำกับเพียงถ่ายเทประสบการณ์ส่วนตัวออกมาเป็นฉากในหนัง แม้ชีวิตจริงอาจไม่โหดร้ายเท่านั้น แต่ก็ทำให้ผู้ชมเข้าใจมุมมองของเขาได้อย่างง่ายดาย ยิ่งได้การแสดงของ เจ.เค. ซิมมอนส์ ด้วยแล้วยิ่งหนักแน่นไปใหญ่
อาจกล่าวได้ว่า การลงมือทำ Whiplash ส่วนหนึ่งถือเป็นโอกาสให้ชาเซลล์ได้ระบาย ได้ปลดปล่อยตัวเองจากสิ่งที่ตามหลอกหลอน แถมนำเสนอออกมาให้เห็นวิธีการผลักดันคนอันหนักหน่วง คอยตอกย้ำว่ายัง “ไม่ดีพอ” เพื่อกระตุ้นให้พัฒนา
กระนั้น ที่ตลกก็คือผู้กำกับไม่ได้คาดคิดไว้เลยว่าประโยคพวกนี้จะฮิตขึ้นมา เพราะเพียงเขียนจากสิ่งที่ตัวเองเคยประสบพบเจอก็เท่านั้น กลายเป็นว่าจากที่มันคือฝันร้ายของเขาก็ได้เกิดการยักย้ายมาเป็นคำพูดหลอนหูคนดูไปแทน